วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

Link Blog

Link blog  ของๆเพื่อนๆม.4/2 

No 1 :
No 2 :
No 3 :
No 4 : http://peatarn.blogspot.com/
No 5 :
No 6 : http://nujunenongnapas.blogspot.com/ 

No 11 : http://stdworkm45.blogspot.com/
No 12 : http://game22223.blogspot.com/
No 13 : http://supermakebam.blogspot.com/
No 14 : http://ponglist.blogspot.com/
No 16 : http://jenjira123.blogspot.com/
No 17 : http://pimonpakchok.blogspot.com/
No 18 : http://kfjgo.blogspot.com/
No 19 : http://kaewer.blogspot.com/
No 20 :
No 21 : http://paitong4x400m.blogspot.com/
No 22 : http://with-me-love.blogspot.com/
No 23 : http://ing789.blogspot.com/
No 24 : http://ttdialogue.blogspot.com/

No 25 : http://ningpassword.blogspot.com/
No 26 : http://freeweb4226.blogspot.com/
No 27 : http://somoo13.blogspot.com/
No 28 :
No 29 :
No 30 :
No 31 :
No 32 : http://buddyyyyy.blogspot.com/
No 33 :
No 34 :
No 35 : http://carcap.blogspot.com/
No 36 :
No 37 :
No 38 : http://yungkaoaboutme.blogspot.com/
No 39 :
No 40 :

Diary

17/09/12

วันนี้เรียนเคมีอัดเต็มมาก55งงเลยตกแน่ๆแต่ตอนเช้าสบายเรียนชมรมนั่งว่างแต่กลับบ้านต้องนั่งเขียนศัพท์1000คำส่งอาจารต่างชาติอีกยังไม่เสดเลย-*-

Diary

16/09/12

วันนี้มีไหว้อากุ๊งแล้วต้องไปทำงานที่บ้านเพื่อนต่องานชีวะมันยากมาก-*-แล้วก็กลับบ้านไปตัดผมก็ดีๆ 55 ทำงานของอาจารต่างชาติต่ออีกมึนเลยแหะๆ-0-

Diary

15/09/12

วันนี้มีเรียน เคมี+ฟิสิก ถึง5โมงเย็น ไม่เข้าใจเลย 55 เหนื่อยมาก ตอนเย็นต้องไปกรุงเทพอีก แต่ดึก วรรณสรณ์ปิดเลย TT แย่ๆ วันอื่นค่อยมาล่ะกัน -.-

Diary

14/09/12

วันนี้สอบวิทห้อง0.0ยากมากแล้วก็ตอนเย็นซ่อมเคมีกลางภาคที่ตกไป-.-ขอให้ครั้งหน้าไม่ตกสาธุๆ
กลับมาบ้านมานั่งงานชีวะต่อกับดพื่อนอีกนานเลยแหะๆแย่ๆ ไม่มีไรจะพิมแล้วนะ 555แค่นี้แล้วกัน -.-

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

การปฏิบัติตัวให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือด


การปฏิบัติตัวให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือด

คนเรามีกร๊ปเลือดที่แตกตางกันไป ดังนั้นกรุ๊ปเลือดของแต่ละคนก็จะสามารถที่จะบ่งบอกถึงพฤติกรรมและการปฏิบัติตัวได้อีกทางหนึ่งนะคะ
กรุ๊ปเลือด Aนั่นสิ่งที่ควรทำฝึกฝนการใช้ความคิดสร้างสรรค์และรู้จักแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง
กรุ๊ปเ ลื อ ด  A
สิ่งที่เราควรทำ
1.ฝึกฝนการใช้ความคิดสร้างสรรค์และรู้จักแสดงความรู้สึกออกมาบ้างก็ดีนะคะ
2.วางแผนการที่จะทำในแต่ละวัน
3.หาเวลาพักระหว่างวันทำงานอย่างน้อย 2 ช่วงๆ ละ 20 นาที ใช้เวลานั่งคิดไตร่ตรองสิ่งต่างๆ
4.รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อด้วย
5.บริโภคโปรตีนเพิ่มมากขึ้นในมื้อเช้าและลดปริมาณลงในมื้อเย็น
6.ไม่ควรกินเมื่อรู้สึกหงุดหงิด
7. เปลี่ยนมารับประทานอาหารมื้อเล็กๆ 6 มื้อ ต่อวัน แทน 3 มื้ออย่างเคย เพราะจำนวนครั้งที่ถี่มาก ขึ้นช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานดีขึ้น
8.หาเวลาครึ่งชั่วโมงฝึกจิตใจให้สงบสัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์
9.หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคมะเร็งและหัวใจ
10.เคี้ยวอาหารให้ละเอียดเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
กินอย่างไรสำหรับคนกรุ๊ปนี้
คนที่มีกรุ๊ปเลือด A ควรงดนมสดรวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนยและชีส เพราะจะทำให้รู้สึก แน่นท้อง เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หันมารับประทานผักใบเขียวและใบเหลืองอย่างฟักทอง แครอท ผักขม บร็อคโคลี่ และพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลืองซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งด้วย
ไม่ควรบริโภคเนื้อ สัตว์มากเกินไปเพราะผู้ที่มีหมู่เลือดนี้ จะไม่ค่อยมีเอนไซม์และกรดในกระเพาะอาหารที่จำเป็นต่อการย่อยโปรตีนจากเนื้อ สัตว์
ดื่มชาเขียวเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ ควรจำกัดน้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มความเครียด และทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง
อาหารเช้าควรอุดมด้วยโปรตีน สำหรับคนกรุ๊ปเลือด A อาหารเช้าถือเป็นมื้อสำคัญที่สุด และไม่ควรอดอาหารเพราะจะก่อให้เกิดความเครียดได้ ออกกำลังกาย
คนกรุ๊ปเลือด A จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดสูงมาก เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาในปริมาณสูง แต่ฮอร์โมนดังกล่าวสามารถลดลงถ้าได้ทำกิจกรรมที่ร่างกายต้องจดจ่ออยู่กับ สิ่งๆหนึ่ง อย่างโยคะ ไทชิ หรือฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ
จัดการกับอารมณ์
1. ระบายความรู้สึกออกมาถ้าต้องการอย่าเก็บกดเอาไว้
2. ก่อนจะเริ่มกิจกรรมหรืองานอื่นต้องจัดการสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จ
3. เด็ดเดี่ยว กล้าตัดสินใจการผัดวันประกันพรุ่งจะทำให้เกิดความเครียดได้
4. ใน 1 เดือน หาเวลา 1 วัน อยู่เงียบๆ เพียงลำพัง
5. หากออกกำลังกาย อย่าหักโหมต้องหยุดพักก่อนถึงขีดจำกัดของร่างกาย
ก รุ๊ ป เ ลื อ ด  B
สิ่งที่ควรทำ
1. สำหรับคนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้จิตนาการเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะพาไป สู่ความสำเร็จได้ในยามว่างควรฝึกใช้จินตนาการเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย
2. สังสรรค์สมาคมกับเพื่อนๆ คนรอบข้างหรือร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น สิ่งนี้จะเป็นโอกาสช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในกลุ่มให้กับคุณ
3. จงทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
กินอย่างไรของคงกรุ๊ปเลือดนี้
ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด B ควรบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปลอดสารปรุงแต่งเจือปนและไม่ติดมัน หลายๆ ครั้งใน 1 สัปดาห์เพราะคนหมู่เลือดนี้สามารถเผาผลาญโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดี
ไม่ควรบริโภคอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อไก่ แต่นมและผลิตภัณฑ์จากนมกลับเหมาะสำหรับคนกรุ๊ปเลือด B เป็นอย่างมาก ออกกำลังกาย ผู้มีกรุ๊ปเลือด B ควรออกกำลังกายประเภทท้าทายร่างกายและจิตใจ
กิจกรรมที่เหมาะต้องเป็นประเภทที่ใช้สมาธิควบคู่กับการออกแรงมาก เช่น เทนนิส ศิลปะการต่อสู้ ปั่นจักรยาน เดินทางไกล และกอล์ฟ
จัดการกับอารมณ์
คนกรุ๊ปเลือด B เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล ก็จะสามารถขจัดความเครียด และความวิตกกังวลลงได้ แต่เมื่อใดที่ไม่อยู่ในสภาวะสมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้น และทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัส เกิดอาการเหนื่อยล้าเป็นเวลานาน จิตใจมัวหมองและภูมิคุ้มกันบกพร่อง สิ่งที่ต้องทำ คือ ลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่ร่างกายหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อสภาวะเครียด ด้วยการทำสมาธิและการใช้จินตนาการหากิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสมาธิ ซึ่งไทชิจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนอกจากช่วยลดความเครียดแล้วยังลดความดัน โลหิต และทำให้รู้สึกผ่อนคลายช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น และอาจฟังดนตรีแนวที่ช่วยลดความเครียดหรือเพลงที่ทำให้เกิดจินตนาการ
ก รุ๊ ป เ ลื อ ด   AB
สิ่งที่ควรทำ
1. ฝึกฝนนิสัยเป็นมิตรของคุณโดยเปิดรับสิ่งใหม่ๆ รอบตัว และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง
2. เลิกหมกมุ่นกับปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือไม่ได้มีผลกระทบต่อคุณ
3. ฝึกใช้จินตนาการเป็นประจำทุกวัน
4. มีแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุโดยกำหนดเป็นรายปีเดือน สัปดาห์หรือต่อวัน
5. ค่อยๆ เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่าพยายามจัดการกับทุกสิ่งในเวลาเดียวกัน
กินอย่างไรของคนกรุ๊ปเลือดนี้
ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ต้องจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์สีแดงและไม่ควรรับประทานเนื้อไก่ เนื่องจากร่างกายมีกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะอาหารและน้ำย่อยในลำไส้มีปริมาณ น้อย ทำให้ย่อยอาหารได้ยากเปลี่ยนมาบริโภคผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ปลา ไข่ไก่ และผักแทน
อาหารที่ควรเลี่ยง สำหรับคนกรุ๊ปเลือด A และ B ก็ควรจะเลี่ยงในผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ด้วยกัน เช่น ไม่ควรบริโภค คาเฟอีน และแอลกอฮอล์มากเกินไป เพราะคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้ร่างกาย หลั่งสารอะดรีนาลีน และนอร์อะดรีนาลีน ซึ่งคนกรุ๊ปเลือด AB มีมากอยู่แล้ว ไม่ควรอดอาหารเพราะจะทำให้เกิดความเครียด
ออกกำลังกาย
ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ควรทำกิจกรรมทั้งประเภทที่ก่อให้เกิดความสงบนิ่งและใช้แรงมาก เช่น โยคะและ การเต้นแอโรบิค
จัดการกับอารมณ์
1. วางแผนล่วงหน้าว่าจะทำอะไรเพื่อช่วยลดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่ให้เกิดความเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก
2.หยุดพักในวันทำงานด้วยการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะถ้างานของ คุณ ต้องนั่งอยู่กับที่ เพราะจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น
3. ปลีกเวลาไปตอบแทนสังคมบ้างเพราะคนกรุ๊ปเลือดนี้มีพื้นฐานเป็นคนใจบุญสุนทาน และเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมโลกซึ่งอาจใช้วิธีบริจาคเงินหรือสิ่งของให้แก่ผู้ยากไร้
ก รุ๊ ป เ ลื อ ด   O
สิ่งที่ควรทำ
1. มีแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ โดยกำหนดเป็นรายปี เดือน สัปดาห์หรือต่อวัน
2. หลีกเลี่ยงการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ และอย่าใช้เงินเมื่อเกิดความรู้สึกเครียด
3. หากรู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดพยายามทำให้ร่างกายเกิดความเคลื่อนไหว
4. เมื่อเกิดความอยากเหล้า บุหรี่ น้ำตาล และยานอนหลับ สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารที่ทำให้เกิดความสุขในระยะแรกเท่า นั้น ควรหากิจกรรมอย่างอื่นแทน
กินอย่างไรของคนกรุ๊ปเลือดนี้
อาหารประเภทโปรตีนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด O ควรรับประทานเนื้อสัตว์ต่างๆให้มาก ยกเว้นหมู นมและผลิตภัณฑ์จากนมให้บริโภคแต่น้อย เพราะร่างกายจะย่อยได้ยาก จำกัดปริมาณการบริโภคถั่ว รับประทานผักผลไม้ให้มากและเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวแทนกาแฟ
ออกกำลังกาย
คนมีกรุ๊ปเลือด O ที่ออกกำลังสม่ำเสมอจะมีการตอบสนองต่ออารมณ์ดียิ่งขึ้น การเต้นแอโรบิค วิ่งหรือปั่นจักรยาน ครั้งละ 30 – 45 นาที ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้เกิดสภาวะสมดุลของอารมณ์
จัดการกับอารมณ์
1. กำหนดแผนการว่าจะทำอะไรเพื่อลดความซ้ำซากจำเจ เพราะเมื่อคนกรุ๊ปเลือด O รู้สึกเบื่อพวกเขามักทำอะไรเสี่ยงๆ
2. ฝึกรับมือกับความโกรธด้วยวิธีการดังนี้เมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ โกรธ ไปเดินเล่นสักพัก ดื่มน้ำ ออก กำลังหรือเขียนระบายความรู้สึกออกมา รอจนกว่าจะหายโกรธแล้วค่อยกลับมาจัดการกับปัญหา อีกวิธีคือเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา บ่อยครั้งความโกรธมีสาเหตุมาจากการเสียความสามารถในการควบคุม
เมื่อคุณๆเลือกที่จะแก้ปัญหามากกว่าจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา ก็จะสามารถควบคุมระดับความเครียดในร่างกายให้คงที่ได้นะคะ
ที่มา : http://www.flipflopjobs.com/

คนสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไร อย่างไรคือคนปกติ ?


คนสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไร อย่างไรคือคนปกติ ?


หลายๆ ครั้งเวลาที่เราพูดถึงสุขภาพจิตเรามักรู้สึกเหมือนกับว่าเรารู้ว่าสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไรหรือสุขภาพจิตไม่ดีเป็นอย่างไร แต่บางครั้งเมื่อเราต้องตอบคำถามว่าสุขภาพจิตที่ดีหรือคนปกติที่มีสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไรเรามักจะตอบไม่ถูก จริงๆแล้วคำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่ตอบไม่ง่ายนักและก็มีคนช่วยเราคิดกันมาก่อนหน้านี้มากมายโดยพอสรุปแนวความคิดได้ดังนี้ 
          1. คนปกติก็คือคนที่มีอะไรๆอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย มีความรู้สึกนึกคิดและทำอะไรๆได้เหมือนคนทั่วๆไปในสังคมนั้น แนวคิดแบบนี้ก็ง่ายดี แต่ในบางสังคมที่มีคนสุขภาพจิตไม่ดีหรือมีคนที่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาอยู่มากๆ เช่น สังคมที่ชอบใช้ความรุนแรง สังคมที่ใช้การฆ่าตัวตายเป็นทางแก้ปัญหา หรือสังคมที่มีการดื่มเหล้ามากๆ เราก็จะถือว่านั่นเป็นสิ่งปกติเพราะคนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น 
          2. คนที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ไม่ป่วย ไม่มีโรคทางจิตเวช แนวคิดแบบนี้ถือว่าถ้าคนๆนั้นไม่มีอาการหรือพฤติกรรมที่แสดงถึงโรคทางจิตเวชก็ให้นับว่าเป็นคนปกติที่มีสุขภาพจิตดี แต่ในความจริงสุขภาพจิตดีควรเป็นอะไรที่มากกว่าการไม่ป่วย คนสุขภาพจิตดีนั้นนอกจากจะต้องไม่ป่วยแล้วต้องสามารถมีความรู้สึกเป็นสุข สามารถทำอะไรๆได้เต็มที่ตามศักยภาพของตนทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ความรู้สึก คนที่หัวดี เรียนเก่ง ไม่ป่วย แต่อยู่กับใครหรือทำงานกับใครก็มีปัญหาไปหมดไม่ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี 
          3. สุขภาพจิตที่ดีและที่ไม่ดีเป็นสิ่งเดียวกันแต่ต่างกันในเชิงปริมาณหรือความรุนแรงเท่านั้น ในคนปกติบางครั้งก็มีอาการของโรคทางจิตเวชได้ เช่น บางครั้งเราล็อคประตูก่อนออกจากบ้านตามปกติแล้วแต่ในใจก็ยังเกิดความไม่แน่ใจจนอดไม่ได้ที่จะกลับมาตรวจดูใหม่ว่าล็อคประตูแล้วแน่นะ ซึ่งเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำ แต่ถ้าอาการนั้นเป็นไม่รุนแรงและเกิดไม่บ่อยจนเกิดปัญหาเราก็ยังถือว่าเป็นพฤติกรรมปกติอยู่ 
          4. คนปกติที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ปรับตัวได้ คนที่ปรับตัวได้ดีไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ต่อสังคม หรือเป็นคนดี คนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ สามารถอยู่ได้ สามารถหาความสุขใส่ตัวและหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆได้ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพ จิตดีตามแนวคิดนี้ สังคมที่ดีต้องการมากกว่าการมีคนที่ปรับตัวได้มาอยู่รวมๆกัน 
          5. คนที่มีสุขภาพจิตดีต้องมีความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ แนวคิดนี้คิดว่าคนที่มีสุขภาพจิตดีควรจะมีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม และสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่สามารถปรับตัวอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ได้ เช่น ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนชอบแกล้ง คนที่มีสุขภาพจิตดีตามแนวคิดที่ 4 ก็จะทนเอา คอยระวังตัวอย่าให้เขาแกล้งได้ แต่คนที่มีสุขภาพจิตดีตามแนวคิด (ที่ 5) นี้ควรจะสามารถหาวิธีจัดการให้เขาเลิกแกล้งหรือไม่มาแกล้งได้ 
          6. คนที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง (good ego strength) คนที่มีจิตใจที่เข้มแข็งจะสามารถทนความเครียดได้มากและจะสามารถจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าคนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง คนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งนั้นถึงแม้ว่าจะยังไม่ป่วย ถึงแม้ว่าจะยังปรับตัวได้ดีอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตมากกว่าคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง 
          สรุป คนปกติที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ไม่มีโรคทางจิตเวช มักมีความรู้สึกเป็นสุข สามารถทำอะไรๆได้อย่างเต็มศักยภาพของตนเอง มีความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งแวดล้อม และมีจิตใจที่เข้มแข็ง 
          ชีวิตของคนที่มีสุขภาพจิตดีไม่จำเป็นจะต้องประสบแต่ความสุขสมหวังไปเสียหมดเพราะชีวิตของคนเราคงจะยากที่จะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ในขณะที่ชีวิตมีปัญหาคนที่มีสุขภาพจิตดีก็เกิดความเครียดได้และอาจมีอาการบางอย่างของโรคทางจิตเวชได้ เช่น อาการย้ำคิดย้ำทำ อาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า ในขณะที่ชีวิตมีปัญหาคนที่มีสุขภาพจิตดีจะหาทางจัดการกับปัญหาโดยใช้ทั้งเหตุผลและความรู้สึก บางครั้งก็แก้ปัญหาได้บางครั้งก็แก้ไม่ได้ แต่ไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไรโดยรวมแล้วคนที่มีสุขภาพจิตดีจะมีความรู้สึกที่ดีและรู้สึกเป็นสุขมากกว่าเป็นทุกข์

ที่มา : http://www.thaihealth.or.th